The Boy from Medellín (2020)
เจ บัลบิน คือศิลปินชาวโคลอมเบียผู้โด่งดังไปทั่วโลก ด้วยผลงานเพลงอย่าง M Gente ที่ปล่อยออกมาในปี 2017 และมียอดวิวในยูทูบกว่า 2 พันล้านวิว เขาถูกจดจำในฐานะนักร้องแนวฮิปฮอปผสม เรเกตัน หรือที่บ้านเราเรียกว่า เร้กเก้ สำหรับวันนี้ผมได้มีโอกาส ดูหนังใหม่ออนไลน์ สารคดีที่ติดตามชีวิตของเขาจาก “The Boy from Medellín”
The Boy from Medellín ภาพยนตร์แนว ชีวิตจริง Biography กำกับโดย Matthew Heineman ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการติดตามถ่ายชีวิตในช่วงหนึ่งสัปดาห์ของโฮเซ่ อัลวาโร โอโซริโอ บัลบิน หรือ เจ บัลบิน นักร้องเพลงเรเกตอนชื่อดังของโคลอมเบีย ที่เคยเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลาตินแกรมมี่ 2018 เยอะที่สุด ทั้งหมด 8 สาขา
หนังเริ่มต้นที่เขาลงจากเครื่องบินส่วนตัวเพื่อที่จะมาเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศเม็กซิโก มีแฟนคลับเนืองแน่นรอคอยการแสดงของเขาอยู่ เมื่อโชว์จบ เจ บัลบินกล่าวกับแฟนคลับว่า “ผมขอขอบคุณทุกคนจากใจ ผมเป็นชาวโคลอมเบียและผมภูมิใจที่ได้ทำให้ประเทศเป็นที่รู้จัก ผมไม่ฝักใฝ่ฝ่ายซ้ายหรือขวา แต่ผมจะก้าวไปข้างหน้า อยากมีศักดิ์ศรีและน้อมรับ” ต่อมาเขาได้เผยกับแฟบคลับว่าตัวเองเป็นโรควิตกกังวลและซึมเศร้า คอนเสิร์ตครั้งต่อไปของเขาจะทำการแสดงที่บ้านเกิดของเขา นั่นคือ เมืองเมเดยิน ระหว่างนี้เขาก็ไปโปรโมตคอนเสิร์ตตามสื่อต่างๆ พวกเขาต่างกำลังพูดถึงผลงานที่ผ่านมาของนักร้องคนนี้ เขาเป็นนักร้องเพลงเรเกตอนคนแรกที่ได้ไปออกรายการแซเทอร์เดย์ไนต์ไลฟ์ แม้แต่บารัค โอบาม่า ยังเคยพูดถึงชื่อของเขาขณะหาเสียงสมัยที่ 2 เขาเป็นศิลปินชาวโคลอมเบียที่มียอมวิวสูงที่สุดของปี 2018 และแล้วเขาก็เดินทางมาถึง เมเดยิน ประเทศโคลอมเบีย หนึ่งอาทิตย์ก่อนถึงคอนเสิร์ต เขาพูดกับทีมงานถ่ายทำสารคดีว่า “ผมเป็นคนพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ตอนนี้ผมกำลังปรับสมดุลของตัวเองไม่ให้ละเลยแก่นของชีวิตไป นั่นก็คือตัวตนจริงๆ ของผม ไม่ใช่ในฐานะศิลปิน แต่คือ โฮเซ่” ชื่อแรกของเขา และนั่นคือเหตุผลที่บัลบินเลือกที่จะมาแสดงคอนเสิร์ตที่บ้านเกิดของเขาในครั้งนี้ ซึ่งจะจัดในวันที่ 30 พฤศจิกายน ในสนามอตานาซิโอกิราร์ดอต
ทีมงานสารคดีพาติดตามถึงบ้านของโฮเซ่ เขากำลังนั่งประชุมกับ นิโล โรเมโร่ ผู้ช่วยบริหาร ริค คาเซเรส ผู้ช่วยส่วนตัว และอีวาน อลาร์คอน ผู้จัดการธุรกิจของเขา ว่าหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้เขาจะทำอะไรบ้างในแต่ละวัน เริ่มจากวันจันทร์เขาจะทำสมาธิที่บ้าน วันอังคารจะแวะไปหาพ่อแม่ แต่นิโคลบอกว่าต้องหาเวลาไปสนามด้วย โฮเซ่เปิดสมุดโน้ตของเขาแล้วโชว์ว่าเขาทำความฝันได้ 99 เปอร์เซ็นต์แล้ว อีก 1 เปอร์เซ็นต์คือการจัดคอนเสิร์ตที่บ้านเกิด แต่มันก็ทำให้เขาประหม่ากว่าทุกครั้งจนน่ากังวล เขารู้สึกเหมือนไม่มีตัวตนและไม่ได้อยู่ในร่างกายนี้ หลังจากนั้นสารคดีนำฟุตเทจของโฮเซ่ตอนอายุ 13 ปีมาให้เราได้ชม พร้อมกับเสียงบรรยายของเขาว่า “ผมเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลางที่อยู่ในสังคมสองแบบ เพื่อนที่รวยมองว่าผมจน เพื่อนที่จนมองว่าผมรวย” พ่อของโฮเซ่ปลูกฝังให้เขาต้องก้มหน้าก้มตาทำงานหนักๆ ส่วนแม่เชียร์ให้เขามีความฝัน เขาจึงทำงานหนักไปพร้อมกับเดินตามฝัน ตอนเขาอายุ 17 ปี พ่อของเขาตกงาน ครอบครัวเลยมีปัญหาด้านการเงิน เขาจึงใช้สิ่งเดียวที่เขาถนัดมาหาเงินจุนเจือครอบครัว นั่นก็คือ เรื่องดนตรี ถึงชีวิตจะลำบากในช่วงแรกแต่มันก็มีข้อดีที่ทำให้เขามาถึงจุดนี้ได้ และการขึ้นคอนเสิร์ตทีเมดิยินครั้งนี้จะทำให้เขากล้าพูดได้เต็มแล้วว่าเขาคือศิลปินที่ประสบความสำเร็จ
พูดตามตรงคือผมคิดว่า สารคดีใน เว็บหนังออนไลน์ฟรี เรื่องนี้ ยังถ่ายทอดเรื่องราวของศิลปินคนนี้ออกมาได้ตื้นเขินมาก ถ้าเทียบกับสารคดีที่ถ่ายทำตอนที่ศิลปินยังมีชีวิตอยู่อย่าง Billie Eilish: The World’s a Little Blurry (2021) ผมว่าเรื่องนี้ถ่ายทอดได้ลึกซึ้งกินใจ เข้าใจถึงแก่นแท้ของทุกบทเพลงที่เธอแต่ง แม้ผมจะไม่เคยเสพผลงานเธอมาก่อนก็ตาม แต่สำหรับ The Boy from Medellín เหมือนเป็นการนำกล้องไปติดตามเฉยๆ แต่ไม่มีโมเมนต์พิเศษอะไรเลย